“แล้วอยากรู้ไหมว่ามันเป็นยังไง..”
ใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างค้ำยันคร่อมร่างบางเอาไว้
ก้มลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆข้างหู ก่อนจะยกยิ้มแบบที่ชอบทำ
แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนเดิมกับที่เคยมอบให้ร่างบางตรงหน้า
ริมฝีปากร้อนจูบประทับลงที่ซอกคอขาว ส่งผลให้เตนล์หดคอหนีอย่างนึกรังเกียจ สะบัดหนีอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนแปรเปลี่ยนเป้าหมายมาอีกฝั่งของซอกคอ
“ปล่อยนะ อื้อ”
น้ำเสียงที่เคยใสบัดนี้ติดแหบและอ่อนแรง
เม้มริมฝีปากแน่นเมื่ออีกคนประทับริมฝีปากลงมา
ขัดขืนสู้อีกคนด้วยสองมือที่เรี่ยวแรงน้อยกว่าปกติที่ควรจะเป็นเนื่องจากขาดสารอาหาร
ทั้งทุบตี ทั้งจิกทั้งข่วนจนเกิดรอยที่อกกว้างทับกับรอยแดงจากความร้อนเมื่อครู่
ฟันคมกัดลงที่ริมฝีปากล่าง บดขยี้จนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเผยอริมฝีปากออกให้อีกคนใช้โอกาสนี้สอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาภายใน
ตวัดไล่ต้อนกับลิ้นของอีกฝ่ายที่หลบหนีอย่างไร้หนทาง
ดวงใจเหมือนถูกเงามืดเกาะกุมทั่วหัวใจ
รู้สึกหมดหวังไร้หนทาง
มองไปก็เจอแต่เพียงความมืดในห้องที่แม้จะหรูหราแต่มันไม่ได้น่าอยู่เลยสักนิด
หยดน้ำตาที่ไม่เคยไหลให้ใคร
สุดท้ายมันหลั่งรินออกมาเพราะการกระทำของผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้
“ฮึก.. ปล่อยฉันไปเถอะ..”
ยกสองมือขึ้นพนมกลางอก ริมฝีปากคร่ำครวญพรรณนาให้อีกคนปล่อย
เมื่อร่างสูงยืดตัวขึ้นใช้สองมือถอดเข็มขัดที่คาดอยู่บนห่วงกางเกงออก
ก่อนจะปลดกระดุมพร้อมกับดึงรั้งซิบกางเกงลง ไร้ซึ่งความปราณีในหัวใจ
ก้มประทับริมฝีปากกับอวัยวะเดียวกันอีกครั้ง
“ก็อุตส่าห์จะทะนุถนอมดูแลอย่างดี..
แต่คงไม่ชอบ” กระชากเข้าที่กลุ่มผมนุ่มจนใบหน้าเชิดขึ้น
ส่งเสียงเย็นยะเยือกออกผ่านไรฟัน ถ้าใครได้ยินก็คงกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
ให้ร้องไห้อ้อนวอนแค่ไหนอสูรร้ายก็คงไม่ฟัง
ใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ซอกคอระหงที่เห็นเส้นเลือดชัดเจน
ใช้ลิ้นร้อนลากจากแอ่งไหปลาร้าสู่ปลายคาง ก่อนจะดูดดุนจนเกิดเสียง
จูบซับอีกครั้งแรงๆ ก่อนที่จะใช้เขี้ยวกัดไปบนเนื้อขาวจนเกิดรอยฟัน ส่งผลให้ร่างบางต้องหลุดเสียงร้องออกมา
แคว่ก
เสื้อที่ใส่อยู่ถูกกระชากออกจนกระดุมหลุดออกจากรังดุม
เผยให้เห็นยอดอกสีสวยที่ตัดกับผิวขาวล่อตาล่อใจ มือหนาหยิบเข็มขัดที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมา
รวบแขนบางทั้งสองข้าง ก่อนจะมัดเข้าหากันด้วยเข็มขัดหนังของตน
ก้มลงใช้ลิ้นเลียยอดอกสีหวานอย่างไม่รีรอ
ขยับลิ้นวนไปวนมาทั้งสองข้างด้วยกามารมณ์ที่พุ่งสูง
“ม..ไม่นะ
ใครก็ได้ช่วยที ฮือ.. พ.. พี่แทยง” ร้องไห้ปานจะขาดใจ
พรรณนาหาคนช่วยทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่มี อยู่ๆสมองก็นึกถึงหน้าของคนที่ตนรัก
เป็นปกติของคนที่ตกอยู่ในความกลัว จนเผลอคร่ำครวญชื่อออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ว่าไงนะ” เมื่อได้ยินชื่อมารหัวใจหลุดออกมาจากปากของร่างบางก็ต้องชะงัก ยืดตัวขึ้นนั่ง
จ้องมองมาที่ร่างบางใต้ร่างด้วยสายตาอ่านไม่ออก
“อยู่กับกูอย่าพูดถึงชื่อคนอื่นเข้าใจไหม!”
เอ่ยเสียงดังจากโทสะภายในใจ ก่อนมือหนาจะง้างออก
และตบลงที่แก้มใสจนใบหน้าหันไปอีกทาง
ความแรงแบบไม่ยั้งทำให้เกิดรอยแดงของฝ่ามือบนแก้มใส
“โอ๊ะ ผมขอโทษ..
เจ็บไหมที่รัก..” น้ำเสียงอ่อนลงราวกับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังมือ
สัมผัสลูบไล้แผ่วเบาที่รอยแดงบนแก้มด้วยใบหน้ารู้สึกผิด ก้มลงจูบแก้มใสเต็มรัก
แต่เตนล์กลับมองเขาด้วยความรังเกียจ
“ทำไมฉันจะเรียกชื่อแฟนตัวเองไม่ได้!”
ตอกคำพูดใส่หน้า พูดดังๆให้เสียงกระแทกเข้าหู เพื่อประชดคนบนร่าง เพียงไม่นานสองข้างแก้มก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบจากร่างสูง
ราวกับว่ากระดูกจะแตกหักลงเสียตรงนี้ เป็นคนไม่หลาบจำ
ไม่ยอมจำว่าเวลาอสูรโกรธมันเป็นอย่างไร ไม่ยอมคิดก่อนว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ
“หึ
คุณคงไม่มีโอกาสกลับไปหามันอีกแล้วแหละ..” สองมือขยี้เม็ดทับทิมทั้งสองข้าง
จนคนถูกกระทำหายใจติดขัด หน้าท้องขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ
ผสมปนเประหว่างความรู้สึกสองทาง ทั้งกลัว ทั้งรู้สึกแปลก..
โดยองก้มลงใช้ริมฝีปากบรรจงจูบที่หน้าอกขาว
ลากไล้ลงเรื่อยๆจนมาถึงหน้าท้องที่ขยับกระเพื่อมสั่นไหว สอดลิ้นร้อนเข้าที่ร่องลึกกลมกลางท้อง
ดูดดุนมันจนเกิดเสียงดังจวบจาบน่าอาย
ก่อนจะขยับต่ำลงเรื่อยๆถึงหน้าท้องกับกางเกงตัวบางหมิ่นแหม่
ที่เขาจับใส่ให้ร่างบางตอนยังไม่ได้สติ สองมือเกี่ยวขอบยางยืดลง
ก่อนจะดึงรั้งลงไปติดอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อเห็นว่ามันติดโซ่ที่ข้อเท้า
จึงตัดสินใจคว้าพวงกุญแจที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงหลังออกมาไขแม่กุญแจขนาดใหญ่ออก
ลากโซ่ตรวนเย็นเฉียบออกผ่านข้อเท้าช้าๆ จนในที่สุดข้อเท้าบางก็ได้รับอิสระ
พร้อมกับกางเกงขาสั้นตัวบางลื่นหลุดลงจากปลายเท้า
มือหนาประคองเท้าสวยข้างที่เคยถูกพันธนาการขึ้นสูง
จูบเบาๆที่ปลายนิ้ว ไล้ลงมายังฝ่าเท้าอย่างไม่นึกรังเกียจ มีแต่ความรักและความหลงใหลไม่มีที่สิ้นสุด
แลบลิ้นเลียตามขาเรียว ก่อนจะยกขาข้างเดิมพาดบนบ่ากว้าง
ใช้ลิ้นเลียขาอ่อนจนขนลุกชูชัน ดูดดึงเนื้อหนังมังสาอย่างหยอกล้อ
ปรากฏเป็นรอยแดงสีกลีบกุหลาบชัดเจน ปล่อยให้คนถูกกระทำนอนตัวสั่นเหมือนลูกนกตกจากรัง
จูบแผ่วเบาลงที่ปลายหยักของท่อนสีหวานกลางลำตัว
หยอกล้อกับมันด้วยเรียวลิ้นร้อนแสนช่ำชอง
จนปลายท่อปริ่มน้ำสีใสน่าอับอายยิ่งนักสำหรับเจ้าตัว
ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกนี้มาครอบงำจิตใจ ไม่ควรหลงระเริงไปกับสัมผัสหยาบโลนที่อีกฝ่ายมอบให้
“อย่า” คิดได้ดังนั้นก็ใช้เรียวขาที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง
ถีบเข้าที่ศีรษะอีกคนจนใบหน้าหันไปอีกทาง ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อโดนถีบอีกครั้งโดยองก็ลงมานอนอยู่บนเตียงกว้าง
หัวใจเต้นระรัวเมื่อเห็นโอกาสหลบหนี ใช้ลำแขนทั้งสองข้างของตนเองพยุงตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล
ก่อนที่จะหย่อนสองขาลงบนพื้นกระเบื้องข้างเตียง
โดยที่สมองไม่ทันนึกคิดระมัดระวังให้รอบคอบจึงถูกเศษกระเบื้องแหลมคมปักเข้าที่สองเท้าเปลือยเปล่า
ความเจ็บแสบแล่นริ้วจนใบหน้าเหยเก
ปล่อยกายลงบนพื้นเย็นเฉียบด้วยความเจ็บแสบแสนสาหัส
ทิ้งตัวลงทับเศษกระเบื้องที่เหลือ ความแหลมคมของมันปักเข้าตามอวัยวะที่ใช้รับน้ำหนัก
เลือดสีแดงสดหลั่งรินจนได้กลิ่นคาวเลือดติดจมูก
น้ำหูน้ำตาไหลเมื่อก้มมองบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ของตนเอง
ประกอบกับมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าของตนเอง
ในใจมันร่ำร้องบอกว่าตนนั้นไม่มีอะไรที่ต้องเสียอีกแล้ว
ราวกับสติหลุดลอยไปในที่ไกลแสนไกล มือบางที่หลุดพ้นจากเข็มขัดหนาจับเศษกระเบื้องชิ้นใหญ่สุดที่ปักอยู่บนลำแขนของตนเอง
กระชากมันออกจนเลือดไหลทะลักออกมามากกว่าเดิม
“แม้แต่พระเจ้ายังไม่เข้าข้างคุณเลยที่รัก..
คุณไม่มีวันหนีผมพ้น” ชะโงกหน้ามองลงมาจากเตียงกว้าง
กับรอยยิ้มเย็นๆของอีกฝ่าย ก่อนที่จะลงมานั่งยองๆอยู่ข้างๆเตนล์โดยที่ไม่เกรงกลัวว่าเศษกระเบื้องจะปักเข้าที่เนื้อหนังของตนเลยสักนิด
“คนอย่างแกมันสมควรตาย!”
บันดาลโทสะออกผ่านทางวาจา ง้างมือขึ้นสูงก่อนจะกระแทกลงเต็มแรงที่บ่ากว้าง
เศษกระเบื้องแหลมคมปักลงที่มัดกล้ามเนื้อ
ก่อนที่เลือดสีแดงสดจะไหลทะลักออกมาจนน่ากลัว แววตาสั่นไหวเล็กน้อย
ก่อนจะกลับไปเป็นดังเดิม มือหนาจับเข้าที่เศษกระเบื้องบนบ่า ข่มกรามแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนยามที่ดึงมัน
กระชากเต็มแรงอีกครั้งจนเลือดไหลย้อนตามเศษกระเบื้องที่หลุดออก
“ชอบใช้ความรุนแรงก็ไม่บอก”
มือหนากระชากแขนบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะผลักลงไปนอนบนเตียงกว้างดังเดิม
จุกจนต้องเบ้หน้า ประกอบกับความเจ็บแสบจากเศษกระเบื้องที่ยังไม่จางหาย
ตามลงมาทาบทับทันทีไม่ปล่อยโอกาสให้พยศหนีอีกเป็นครั้งที่สอง
ใช้ท่อนแขนแกร่งบังคับสองขาให้อ้าออก
เผยให้เห็นช่องทางสีหวานที่ขมิบเป็นจังหวะเชิญชวนให้ร่างสูงอยากเข้าไปสำรวจ
จนต้องสอดเรียวนิ้วเข้าไปภายในช่องทางคับแน่น
ขยับเร็วและแรงจนคนใต้ร่างหายใจไม่ทัน
ไม่ใช่เป็นเพราะเรียวนิ้วที่ปรนเปรออย่างช่ำชอง
แต่เป็นเพราะมือหนาที่กำรอบคอขาวเอาไว้ เศษกระเบื้องอันเดิมที่ตอนแรกกำคามือ
มันปักเข้าที่ลำคอสวย รวมถึงฝ่ามือของตัวเขาเอง จนเลือดสีแดงสดไหลผสมปนเปกัน
หลั่งรดลงสู่ผืนเตียงกว้าง เกิดรอยเลือดสีแดงเป็นดวงๆ
“ป..ป..ปล่อย..อึก..”
สองมือพยายามแกะมือหนาที่พันรอบคอออก ซึ่งโดยองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มทนไม่ไหว
เรียวนิ้วขยับถี่และเร็วขึ้น ก่อนจะกระชากออกมาเพียงเพราะแค่รู้สึกอยากพอ
“แค่กๆ..” ไอโคกครากจนน่ากลัว สองมือกำรอบคอของตนเอง
ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินจนน่าสงสาร ในขณะเดียวกันก็ดูน่าอดสู
ราวกับว่าถูกคนรอบข้างรุมถีบให้ตกลงไปในเหวลึก ทั้งมืดมิดและไร้หนทาง ไม่สามารถปีนป่ายด้วยสองมือสองขาพาตนเองขึ้นมาได้
เป็นความรู้สึกอยากตายๆไปให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่ทันได้พักหายใจ
ก็ต้องถลนตาสู้ความมืดภายในห้อง เชิดหน้าอกหดเกร็งมือ
จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อหนังสีขาว เมื่อความเจ็บแสบแล่นริ้วที่ช่องทางด้านหลัง
มนุษย์ต่ำช้ากระแทกแก่นกายของตนเองเข้ามาจนสุด ป่าเถื่อนไร้อารยธรรมราวกับสัตว์ป่ากระหายเซ็กส์
เอาๆกันเพื่อให้จบๆไป
เอนกายก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากสีซีดไร้ซึ่งเลือดหล่อเลี้ยง
ก่อนจะขยับกายกระแทกเป็นจังหวะแรงๆตามอารมณ์ของตนเอง ความคับแน่นและเผือดเคืองไร้ซึ่งน้ำหล่อเลี้ยงทำให้ช่องทางสีหวานแดงช้ำ
ตามด้วยเลือดสีแดงที่ไหลออกมา กลายเป็นน้ำหล่อลื่นให้ร่างสูงได้ขยับกายสุขสมกับบทบรรเลงที่ผู้รับไม่ได้เต็มใจร่วมบรรเลงไปด้วย
ร้องไห้จนน้ำมูกไหล
แทบหายใจไม่ทันจนต้องเผยอริมฝีปากกอบโกยออกซิเจนเข้าปากเพื่อต่อลมหายใจ
ก่อนที่จะกลายเป็นศพนอนตายอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ร่างกายขยับไปตามแรงอารมณ์ที่อีกฝ่ายกระแทกลงมา
เสพสมร่างกายของเขาราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่ไม่มีลมหายใจ
เตนล์กัดริมฝีปากของตนเองแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“อา...” ร่างสูงเชิดหน้าขึ้น ครางต่ำด้วยสีหน้าสุขสมในกาม จนคนมองอยากจะเอามีดเล่มยาวแทงอีกคนให้ตาย
เพียงไม่นาน ความคับแน่นของช่องทางสีหวานก็ทำให้โดยองไปสู่ฝั่งฝัน
ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกไปพร้อมกับเสียงครางต่ำครั้งสุดท้าย
มือหนาจับเข้าที่แก่นกายตนเอง ก่อนจะค่อยๆดึงมันให้หลุดออกจากช่องทางบวมช้ำ
น้ำสีขุ่นที่อัดฉีดเข้าไปเมื่อครู่ไหลย้อนออกมาปนเปกับสีแดงของน้ำเลือดและเปรอะบนที่นอนสีขาว
เตนล์กอดก่ายร่างกายบอบช้ำของตนเองด้วยสองแขนอันสั่นเทา
ตระกองกอดหดตัวเข้าหากันปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินลงมาไม่ขาดสาย
ถูกมือหนากระชากให้เชิดหน้าขึ้น มองค้อนกลับไปด้วยแววตาวูบไหว
“ผมรักคุณนะเตนล์..”
ก้มลงกระซิบที่ข้างหู ก่อนที่จะใช้เศษกระเบื้องแหลมในมือ
กรีดไล้แผ่วเบาที่ใบหน้าสวย จนเกิดเป็นรอยที่ข้างแก้ม
ตามด้วยเลือดสีสดที่ไหลซิบออกมาจากบาดแผล
ดวงตาสีนิลพินิตดูเศษกระเบื้องชุ่มเลือดด้วยแววตานิ่งไม่ไหวติง
ขยับเข้ามาชิดใบหน้ามากขึ้น จนมาหยุดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก ก่อนจะแลบปลายลิ้นออกมาระเลียดเลียชิมความคาวของรสเลือด
พร้อมกับใบหน้าที่ยกยิ้มแสนมีความสุข
กลับไปอ่านต่อเล้ย https://writer.dek-d.com/11842/writer/viewlongc.php?id=1535539&chapter=6